ดีไรโบส เป็นน้ำตาลโมเลกุล 5 เหลี่ยมที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เอง และเป็นสารสำคัญในกระบวนการทางเคมีที่สำคัญหลายปฏิกิริยาในสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปฏิกิริยาการหายใจระดับเซลล์ และการผลิตพลังงานให้เซลล์ใช้ ดีไรโบสเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างโมเลกุลชื่อ ATP (Adenosine Triphosphate) ซึ่งเป็นพลังงานชีวิตของเซลล์แต่ละเซลล์ ดีไรโบส ยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างโมเลกุลชื่อ NAD (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) และ FAD (Flavin Adenine Dinucleotide) ซึ่งเป็นโมเลกุลสำคัญในกระบวนการหายใจของเซลล์ และยังเป็นโครงสร้างหลักของหน่วยพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ (DNA) และหน่วยสังเคราะห์โปรตีน หรืออาร์เอ็นเอ (RNA)
สี่สารอาหารสำคัญที่มีผลอย่างยิ่งยวดต่อการสร้างพลังงานของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ และทำให้หัวใจของเราทำงานเป็นปกติ คือ โคเอนไซม์คิวเทน แอลคาร์นิทีน แมกนีเซียม และน้ำตาลดีไรโบส ปกติแล้วร่างกายของมนุษย์ผลิตน้ำตาลดีไรโบสได้เอง แต่ขบวนการผลิตค่อนข้างช้า และอวัยวะแต่ละอวัยวะก็ผลิตน้ำตาลดีไรโบสได้ไม่เท่ากัน อวัยวะที่ต้องใช้พลังงานมากจะผลิตได้มาก เพราะจำเป็นต้องใช้ดีไรโบสจำนวนมาก ได้แก่ ตับ ต่อมหมวกไต เซลล์ไขมัน ส่วนเซลล์หัวใจ เซลล์สมอง เซลล์เนื้อเยื่อประสาท เซลล์ประสาท เส้นประสาท และ เซลล์กล้ามเนื้อจะผลิตแค่ปริมาณที่เพียงพอต่อการใช้ในแต่ละวัน
หัวใจกับดีไรโบส หัวใจผลิตดีไรโบสได้แค่เพียงพอสำหรับการทำงานในแต่ละวัน ในสภาพที่การทำงานของหัวใจแข็งแรงเป็นปกติ แต่ในผู้ที่สุขภาพหัวใจไม่แข็งแรง ซึ่งได้แก่กลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด จะเป็นกลุ่มที่พลังงานของกล้ามเนื้อหัวใจจะน้อยกว่าปกติ เซลล์หัวใจจะได้รับเลือด และออกซิเจนมาเลี้ยงเซลล์อย่างไม่สม่ำเสมอ การผลิตดีไรโบสจะทำได้น้อยลง และขบวนการผลิตจะช้ากว่าปกติมาก ทำให้พลังงานที่ผลิตได้ต่ำลงไปอีก ทำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจจะไม่สดชื่น และเหนื่อยง่าย
ดีไรโบสกับการบำบัดโรคต่างๆ ในทางการแพทย์
• ป้องกัน และร่วมบำบัดโรคหัวใจ ให้พลังงานแก่หัวใจ
• อาการปวดทั่วตัว และอาการอ่อนล้า อ่อนแรง
• ให้พลังงานทั่วร่างกายทันที
• ให้พลังงานแก่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
• ช่วยอาการขากระตุกขณะหลับ ซึ่งผู้มีอาการมักจะนอนหลับไม่สนิท
• ช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น และลดความถี่ของการเป็นลมชัก
• ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานทำงานดีขึ้น
• ช่วยให้ไตทำงานดีขึ้น
• ปกป้องสมองจากความเสื่อม และร่วมบำบัดลมชัก
แมกนีเซียมกับการทำงานของหัวใจ หัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องการแมกนีเซียมปริมาณมากที่สุดในบรรดาอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจห้องล่างซ้ายซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ และผนังหนาที่สุด เพราะต้องทำหน้าที่สูบฉีดเลือดที่มีออกซิเจนซึ่งได้รับมาจากหัวใจห้องบนซ้ายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญในปฏิกิริยาเคมีในร่างกายมากกว่า 300 ปฏิกิริยา และทำหน้าที่ประสานการทำงานของเซลล์ต่างๆของกล้ามเนื้อหัวใจ เพื่อให้หัวใจเต้นเป็นปกติ หากเรามีระดับแมกนีเซียมในเลือดต่ำจะทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ และใจสั่น รวมถึงอาการหัวใจห้องล่างสั่นพริ้ว การได้รับปริมาณแมกนีเซียมอย่างเพียงพอจะทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ
References
เอกสารเพื่อการอบรมภายในบริษัทเท่านั้น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
คู่สร้างพลังงาน โคคิวเทน-แอล คาร์นิทีน